เรียบเรียง โดย อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล (Sun)
John Sevigny ช่างภาพวัย 47 ปี เขาเป็นทั้งครู เป็นทั้งนักเขียน เป็นทั้งศิลปินช่างภาพ เขาเติบโตในครอบครัวศิลปินที่ไมอามี่ ซึ่งนั่นทำให้เขามุ่งมั่นที่จะหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นศิลปินจริงๆจังๆ
เขาเริ่มถ่ายภาพเป็นงานศิลปะเมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปเรื่อยๆจนได้ไปเจอกับหนังสือเกี่ยวกับจิตรกร Diego Velazquez ในร้านหนังสือที่ไมอามี่ ในเล่มนั้น เขาได้ดูภาพ The Feast of Bacchus ซึ่งเป็นภาพวาดเมื่อปี 1629 นั่นทำให้เขาสนใจงานศิลปะอย่างจริงจัง
เขาเริ่มต้นทำงานเป็นช่างภาพข่าวในแม๊กซิโก และอีกหลายที่ในเวลาต่อมา ซึ่งเขาได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการถ่ายรูปไว้มากมาย ค่อยๆสร้างโปรเจคที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ จนได้แสดงงานทั้งในยุโรป อเมริกา และแม๊กซิโก
La Fiesta Brava คือโปรเจคล่าสุดที่เขากำลังง่วนในการแสดงงานอย่างต่อเนื่อง คำว่า La Fiesta Brava นั้นเป็นชื่อเรียกนักสู้วัวกระทิง ซึ่งมันเป็นกีฬาที่โด่งดังในสเปนมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 และนี่คือคำอธิบายในสิ่งที่ John กำลังทำในโปรเจคนี้
ในช่วงยุค 1990 เขาได้มีโอกาสดูการสู้วัวกระทิงเป็นครั้งแรก มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขา เมื่อมองลงไปในสนามที่เต็มไปด้วยชีวิตและความตาย เปรียบได้กับภาพในโปรเจคนี้ มันคือการดิ้นรนของมนุษย์และสัตว์เพื่อการอยู่รอด
นอกจากเนื้อหาของโปรเจคที่น่าสนใจแล้ว ในบทสัมภาษณ์หนึ่งของ John Sevigny เขาได้ให้คำแนะนำกับช่างภาพสมัยนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ
“คุณควรมีกล้องติดตัวตลอดเวลา คุณจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เรื่องเลยในตอนแรก แต่มันจะดีขึ้นๆ คุณไม่จำเป็นต้องไปลงเรียนที่ไหน ลองดูงานภาพในแมกกาซีน ในหนังสือ ในเวบไซด์เยอะๆ แล้วก็อย่าไปสนใจว่าตลาดต้องการภาพแบบไหน หรือคนอื่นจะบอกคุณให้ถ่ายยังไง อย่าไปติดบ่วงของการตลาดที่บอกว่า ช่างภาพต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้สิ ถ้าคุณหลุดพ้นสิ่งเหล่านี้ได้ คุณคือศิลปิน”
“อย่าไปใส่ใจกับอุปกรณ์มากนัก Cartier-Bresson ถ่ายภาพด้วยเลนส์เพียงสองเลนส์ Helmet Newton ใช้กล้อง Nikon FMs กับเลนส์ 50mm. ถ่ายงานแฟชั่น…แค่นั้นเลย เอาจริงๆแล้ว กล้อง DSLR กับเลนส์ Prime ดีๆก็พอแล้วสำหรับงานเกือบทุกอย่าง คุณควรทำงานจากหัวใจและสายตา ไม่ใช่กล้อง ถ้าคุณสามารถรักษาแบบนี้ไว้ได้ คุณจะไปรอด”