Adam Broomberg (1970) กับ Oliver Chanarin (1971) พบกันครั้งแรกในแอฟริกาใต้สมัยพวกเขายังเป็นเด็กวัยรุ่น ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนคนละทาง
บลูมเบิร์กเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ ชานารินเรียนปรัชญา เป็นเวลา 10 ปีที่ทั้งสองเป็นเพื่อนกันแต่ยังไม่ได้เริ่มทำงานร่วมกัน จนบลูมเบิร์กเบื่องานนิตยสารที่ทำอยู่ เขาจึงชวนชานารินออกไปถ่ายโปรเจกต์ส่วนตัว
จากวันนั้น ก่อให้เกิดหนังสือภาพ 14 เล่มและงานจัดแสดงทั่วโลก ทั้งสองทำงานร่วมกันตลอด 17 ปีที่ผ่านมา ผสมบทกวีเข้ากับภาพตัดแปะ , ทำหนังสือภาพเอบีซีภาษามือ , หยิบพระคัมภีร์มาตีความเป็นเรื่องร่วมสมัย งานของพวกเขาละลายเส้นแบ่งระหว่างภาพข่าว ศิลปะ และปรัชญา
ในแบบที่ตั้งคำถามว่ามันอาจไม่ได้มีเส้นแบ่งนั้นตั้งแต่ต้น
ghetto 2003
รูปแรกในหนังสือภาพ ghetto ถ่ายในปี 2000 และรูปสุดท้ายถูกลั่นชัตเตอร์ 3 ปี หลังจากนั้น ghetto เกิดขึ้นเมื่อบลูมเบิร์กเบื่อการทำงานนิตยสารเกี่ยวกับสังคมที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับรูปถ่ายจากคนอื่นตลอดเวลา แต่ไม่ได้ถ่ายอะไรด้วยตัวเองเลย เขาเบื่อกับการที่รูปแต่ละรูปกลายเป็นเรื่องประเด็นทางการเมืองแทนที่จะพูดถึงตัวบุคคลหรือเรื่องราวในภาพ
บลูมเบิร์กและชานารินจึงเริ่มออกเดินทางไปในชุมชนชายขอบต่างๆ ค่ายผู้ลี้ภัยที่แทนซาเนีย, คุกในแอฟริกาใต้, หรือโรงพยาบาลโรคจิตในคิวบา ออกไปพูดคุยกับผู้คนเหล่านั้น และถ่ายทอดเรื่องราวแบบที่พวกเขาไม่ได้เป็นตัวแทนของปัญหาสังคม แต่เป็นมนุษย์ปัจเจกชน
Fig. 2007
ครั้งนี้บลูมเบิร์คกับชานารินออกโร้ดทริปไปทางชายฝั่งตอนใต้ของอังกฤษ ถ่ายรูปหลายสิ่งหลายอย่างที่พบเห็นโดยไม่ได้คำนึงถึงกระบวนการถ่ายและองค์ประกอบของรูปที่จะได้ แต่มองการถ่ายรูปเป็นการเก็บสะสมอย่างหนึ่ง พวกเขาเปรียบเทียบช่างภาพเป็นนักสะสม Fig. จึงเป็นหนังสือภาพที่ดูเหมือนแต่ละภาพไม่ได้อยู่ในเรื่องเดียวกันโดยสิ้นเชิง ภาพคอมที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ในห้องโล่งๆ , หัวกวาง , โครงกระดูกสัตว์ , ต้นไม้ , เด็กผู้หญิง ทุกอย่างดูคนละทิศคนละทาง ซึ่งเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ สะเปะสะปะเหล่านี้เอง ที่มนุษย์ต่างเก็บสะสม
war primer 2 2011
war primer เป็นหนังสือกวีสั้นๆ ที่ Brecht เขียนขึ้นในปี 1955 ตอนลี้ภัยออกจากเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาตัดภาพสงครามจากหนังสือพิมพ์มาประกอบหนังสือ บลูมเบิร์กกับชานารินได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งนั้น จึงทำภาคต่อของ war primer นั่นคือ war primer 2 พวกเขาประกอบภาพความรุนแรงที่เจอในหนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต และทีวี เข้ากับบทกวีสั้นๆ เช่นเดียวกับ Brecht ตั้งคำถามถึงการแปลความหมายสิ่งที่ผู้คนพบเห็นจากสื่อ อัพเดตการนำเสนอภาพข่าวที่พัฒนาขึ้นในระยะเวลา 60 ปี และพูดถึงความสูญเสียที่ยังคงมีแก่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
holy bible 2013
นักปรัชญาชาวอิสราเอล Adi Ophir เคยเขียนไว้ในวิทยานิพนธ์ว่า ‘พระเจ้าสำแดงตนผ่านความหายนะ’ และเมื่อบลูมเบิร์กกับชานารินได้พูดคุยกับ Ophir พวกเขาได้รับแนวคิดนั้นมาทำเป็นหนังสือภาพ โดยแนวคิดที่ว่า พระคัมภีร์ไบเบิลคือบทเรียนเกี่ยวกับการพัฒนาของรัฐและการใช้อำนาจที่ค่อยๆใกล้เคียงกันมากขึ้นของรัฐที่เลียนแบบพระเจ้า บลูมเบิร์กกับชานารินเอาภาพทหาร สงคราม การวางระเบิด มาใส่คู่กับข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิล งาน holy bible ของทั้งคู่วิพากษ์ความผิดถูกของการใช้อำนาจ ของรัฐ ของพระเจ้า และความหายนะที่เกิดขึ้น
humans and other animals 2015
หนังสือเริ่มด้วยตัวอักษร A-arm ภาพขาวดำของเด็กผู้ชายทำภาษามือคำว่าแขน และอีกฝั่งเป็นภาพชายห้าคนยืนเรียงกันชูแขนออกมา บรรยายภาพว่า คุณเห็นแขนกี่แขน
humans and other animals เป็นหนังสือเด็ก A-Z ที่ผสมการแสดงภาษามือเข้ากับภาพเก่าที่ได้จากคลังภาพ ในหนังสือเล่มนี้บลูมเบิร์กกับชานารินให้นิยามคำว่า ‘ฟังด้วยตา’ พวกเขาค้นหาสายสัมพันธ์ระหว่างข้อความกับรูปภาพ และความหมายของทั้งสองอย่างนั้น
ที่มาข้อมูล : A Conversation with Adam Broomberg and Oliver Chanarin by Aaron Schuman on seesaw magazine / A Conversation with Adam Broomberg and Oliver Chanarin by conscientious photography magazine / Adam Broomberg and Oliver Chanarin by Sabine Mirlesse on bomb magazine / interview Adam Broomberg by Nara Shin on coolhunting / interview Adam Broomberg by Marisa Mazria Katz on creativetime reports / shop.tate.org.uk / www.broombergchanarin.com / macbooks.co.uk