“เก็บเอารอยยิ้มเธอ มาเรียงร้อย เก็บเอาแววตานั้นมา ละเมอเพ้อ เก็บเอาทุกท่าที ของเธอ มาละเมอคนเดียว”
หากคุณอ่านถ้อยคำเหล่านี้เป็นเสียงเพลง นั่นคงแปลว่าคุณเคยได้ฟังเพลงของ เอิ๊ต ภัทรวี มาบ้างแล้ว
ไม่ว่าจะฟังในห้องนอน เพื่อนเปิดให้ฟัง หรือตามร้านอาหาร ดูเหมือนว่าเพลงของเธอจะอยู่ในทุกที่ สร้างความสุขและบรรยากาศสบายๆให้เราได้อยู่เสมอๆ
นอกจากเอิ๊ต ภัทรวี จะเป็นนักร้องสาวมากความสามารถแล้ว หากใครติดตามเธอ ก็คงจะรู้ว่าเธอเป็นคนชอบถ่ายภาพด้วย จากการที่เห็นรอยยิ้มของเธอคู่กับกล้องถ่ายรูปอยู่บ่อยๆใน Instagram รวมถึงเป็นเจ้าของเพจ Small things on Earth ที่เธอรวบรวมภาพถ่ายและความทรงจำเอาไว้

ก่อนที่เราจะเริ่มคุยกัน เอิ๊ตหยิบน้องๆกล้องถ่ายรูปสามตัวที่ใช้บ่อยๆมาแนะนำให้เราได้รู้จัก
เราเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า เอิ๊ตใช้ตัวไหนบ่อยที่สุด ?

จริงๆแล้วสามตัวนี้ใช้บ่อยหมดเลย แต่ถ้าเป็นเซทเที่ยวก็จะเป็นตัวนี้ (Leica CL) แต่ถ้าที่เมลเบิร์นก็จะเป็นตัวนี้ (LC-A+) ส่วนตัวนี้พึ่งซื้อ ยังใช้ไม่ค่อยคล่อง แต่ก็พกไปทุกที่(Fuji)
เอิ๊ตพูดพร้อมชี้แนะนำกล้องให้เราฟังอย่างอารมณ์ดี เราชวนเอิ๊ตคุยต่อ
แล้วสำหรับเอิ๊ตแล้วภาพถ่ายคืออะไร ?
สำหรับเรามันเป็นคล้ายๆกับมุมมอง ว่าในสถานที่นึงเรามองอะไร อย่างคนห้าคนไปถ่ายที่เดียวกัน ก็คงถ่ายมาได้ไม่เหมือนกัน มันก็เลยเหมือนเป็นความรู้สึกของเราที่มองโลกยังไง
ถ้าบอกว่ามันเก็บความจริงไหม? ก็อาจจะเป็นความจริงแค่ส่วนของเรา
แต่เราจะมองภาพเป็นเครื่องเก็บความทรงจำแล้วก็เครื่องเก็บมุมมองมากกว่าจะมองว่ามันนอกเหนือจะนั้น คือเราจะไม่ได้ตีความความมันมากกว่านั้น
แล้วก็จะมีความสุขกับการเดินถ่ายรูป คนเดียวก็ชอบนะ แล้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่เราอยู่ตรงนี้เราอยากจะเก็บอะไรบ้าง แล้วเราก็ไม่สามารถเก็บได้ทั้งหมด มันก็จะเก็บได้เป็นจุดๆ ซึ่งก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นมุมมองของเราที่เราสามารถถ่ายทอดได้ เก็บได้จากบรรยากาศตรงนั้น เวลากลับไปดูก็จะรู้สึกว่า ฮึ้ย เราจำได้หมดเลย แล้วก็จะชอบดูรูปที่ตัวเองถ่าย รู้สึกว่าดูแล้วมีความสุข นึกถึงช็อตที่เรากำลังเล็งอะไรแบบนี้
อย่างชื่อเพจ Small Things On Earth นี่ก็มาจากสิ่งเล็กๆที่เราเจออะไรแบบนี้รึเปล่า ?
เหมือนเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆบนโลกที่เราเก็บเอาไว้ สะสมเอาไว้ เพราะเราเป็นคนชอบเที่ยว
มีที่ไหนที่ชอบเป็นพิเศษมั้ย หรือประทับใจที่สุดตั้งแต่ไปมา
อย่างภาพที่เป็นโปรไฟล์อันนี้เราก็ประทับใจนะ รูปนี้คือไปพัทยา แล้วเราเห็นคนเยอะมาก แต่ละคนก็มีอาชีพเป็นของตัวเอง คนนี้ก็ขายปลาหมึก คนนี้ก็เป็นฝรั่งมาเที่ยว คือเรารู้สึกชอบนะ ชอบรูปนี้ แต่ก็ไม่ได้ทุกรูปในทริปนี้
รูปที่ชอบที่สุดอาจจะเป็นรูปเกี่ยวกับความทรงจำด้วยมั้ง เราชอบอัลบัมนี้ เป็นทริปสุดท้ายตอนเราอยู่เมลเบิร์น เป็นม้วนที่ต้นฟิล์มอยู่ที่เมลเบิร์น แล้วท้ายฟิล์มอยู่ไทย อยู่ท่ีบ้านแล้ว รู้สึกว่าดูทุกครั้งแล้วจะรู้สึกใจหาย เหมือนเราวาร์ปกลับมาแล้ว เราอยู่ตั้งนาน ตั้งแปดเก้าเดือน ก็รู้สึกคิดถึง

มันเป็นทริปที่คล้ายๆกับเราไปชนบทของที่นั่น ไปกับเพื่อน ช่วงนั้นหัดเล่นสเก็ตกัน ก็จะไถๆไป แล้วถ่ายรูปไปเรื่อย แล้วก็รู้สึกว่าเป็นโมเมนต์ที่ดีจังเลย
เพราะว่ามันเป็นเมืองที่ใหญ่แล้วก็โล่งมาก จำได้ว่ามันเป็นช่วงที่คล้ายๆกับวันหยุดอะไรซักอย่าง แล้วมันก็ไม่มีคนเลย พอไปเที่ยวแล้วทุกอย่างมันปิดหมดเลย ร้านก็ปิด ไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ ก็เลยไถไปถ่ายรูปไปเรื่อยๆ




เอิ๊ตชอบอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับการใช้ฟิล์ม
เรารู้สึกว่าความตั้งใจถ่ายมันก็คงพอๆกัน(กับดิจิตอล) แต่ว่าเราถ่ายไปแล้วจะกลับมาดูไม่ได้ พอดูไม่ได้เราก็ต้อง move-on ถ้าสมมุติเราพกกล้องดิจิตอลไป เราอาจจะใช้เวลาในที่ๆนึงนาน
เราก็เคยนะ ไปเที่ยวแล้วเก็บกล้องดิจิตอลไว้ที่บ้าน พอใช้แต่กล้องฟิล์มแล้วเรารู้สึกว่ามันเป็นการเที่ยวที่รู้สึกอีกแบบนึงไปเลย ปกติเวลาไปเที่ยวกับครอบครัว ก็จะมีพักร้านกาแฟ ทุกคนส่งรูปกันสามคน ใครมีรูปอะไร อัพโซเชียล แต่งรูปเรียบร้อย ในที่ๆพักที่นึงก็จะมีรูปลง แต่ถ้าเราถ่ายกล้องฟิล์ม โมเมนต์อะไรแบบนั้นมันก็จะไม่มี เราก็จะรู้สึกว่าอยู่กับปัจจุบันมากๆ แล้วมันก็จะกลายเป็นว่าเราตัดโลกภายนอกออกไปนิดนึง เหมือนเราโฟกัสกับการเที่ยวจริงๆ โดยไม่ต้องบอกใครว่าฉันกำลังเที่ยวอยู่ ก็เลยรู้สึกดี
การอยู่กับปัจจุบันหรืออยู่กับเหตุการณ์ส่งผลกับการแต่งเพลงบ้างไหม
เรารู้สึกว่าการแต่งเพลงคือการเก็บบรรยากาศ เก็บความรู้สึกที่เรารู้สึกตรงนั้น เหมือนเพลงที่แต่งแล้วตัวเองชอบก็จะเป็นการเก็บความรู้สึกของตัวเอง แล้วถ่ายทอดออกมาให้เราพูดถึงตัวเราให้ได้ดีที่สุด หรือบางเพลงเกี่ยวกับสถานที่ แล้วเราอยากจะถ่ายทอดเกี่ยวกับสถานที่นี้ได้ดีที่สุด ถ้าเราอยู่กับที่ๆนึงแล้วเราถามตัวเองว่าเรารู้สึกยังไงได้ มันก็จะช่วยฝึกสกิลทางนี้เหมือนกัน ไม่ใช่แค่อยู่แล้วให้มันผ่านไป
ตอนนี้เอิ๊ตชอบฟังเพลงแบบไหนเป็นพิเศษไหม หรือว่าช่วงนี้ฟังเพลงอะไรบ่อยที่สุด
ช่วงนี้จะฟังเพลงที่ค่อนข้างกรูฟ อย่างตอนนี้ฟังเพลงของ Honne ตลอดเวลา ฟังเพลงเดียวด้วย แล้วก็รู้สึกว่ามันมีความสุข ฟังหูฟังอยู่ในที่สาธารณะ แล้วก็ฟังเพลง Honne แล้วก็คิดว่าฉันเป็นแบบ เต้นบางอย่าง รู้สึกมีความสุขกับ ณ ปัจจุบัน สนุกดี ถ้าเห็นเราเดินไปเดินมาแล้วเราเต้น ก็จะเป็นเรื่องธรรมดามาก
ความชอบส่วนตัวหรือไลฟ์สไตล์ของเอิ๊ตส่งผลกับภาพถ่ายด้วยไหม
เรารู้สึกว่า ถ้าคนชอบอะไรก็คงถ่ายอย่างนั้น สมมุติว่าถ้าเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคอนเซป อยากถ่ายเรื่องสังคม หรือเรื่องขอบงความแร้นแค้น เวลาไปสถานีรถไฟก็คงจะถ่ายคนที่กำลังนอนอยู่ คือถ้าเป็นคนที่มองอันนี้ เห็นอันนี้ มันก็จะถ่ายอันนี้ออกมา หรือถ้าเราเป็นคนชอบความสงบชอบความนิ่ง เวลาเราไปเจออะไรเราก็จะพยายามแบบถ่ายสิ่งนั้นออกมาเพราะว่าอยากจะเก็บไว้ดู เรารู้สึกว่าความชอบของคนทำให้เราเห็นอะไรในสถานที่ต่างๆไม่เหมือนกัน
แล้วถ้าเอิ๊ตเลือกเก็บอะไรอย่างนึง อยากจะเลือกเก็บอะไรที่สุด
อยากจะเก็บความรู้สึกที่มีความสุข เวลาที่มีความสุขก็อยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ พอเวลาผ่านไปกลับมาดูก็จะรู้สึกว่ามันดีมากเลยนะ อย่างเวลาไปเที่ยวกับที่บ้านก็ถ่ายๆไว้ แล้วก็ไม่ได้อะไรมาก แต่พอกลับมาดูแล่้วมันก็รู้สึกดีจังเลย หรือมีรูปที่ถ่ายคุณยายไว้ คุณยายเราพึ่งเสีย เราก็ทำใจไม่ได้ ทำใจไม่ได้เลย แล้วอยู่ดีๆก็มาเปิดรูปดู ก็รู้สึกว่าเขาก็ยังอยู่ในรูป มันก็ช่วยอะไรได้หลายๆอย่าง เหมือนถ้าเราเก็บความรู้สึกที่เรามีความสุขไว้ มันก็ช่วยในวันที่เราอ่อนแอได้เหมือนกัน


มีอะไรอยากจะฝากถึงคนที่ชอบถ่ายรูปไหม
สำหรับเรา เราถ่ายด้วยความสุข ถ่ายให้เรามีความสุข มันก็พูดยากเพราะเราก็ไม่ได้ถ่ายรูปเพื่อให้มันเกิดอะไรขึ้นมา หรือเพื่อการงาน แต่ว่าก็เหมือนกับถ้าถ่ายเพื่อการงาน และยังจำได้ว่าโมเมนต์แรกเราอยากทำเพราะความสุข มันก็จะช่วยให้เรารักษาความชอบต่อไปไว้ได้ ก็คงเหมือนกับทุกๆอย่างแหละ อย่างดนตรี ตอนนี้เราทำเพื่อการงาน เป็นอาชีพของเรา แต่ถ้าเรายังจำได้ว่า ตั้งแต่ต้นเราเริ่มต้นด้วยความสุขและความรัก เราก็จะรักษามันได้ แล้วเราก็จะทำมันด้วยความรู้สึกมันไม่ใช่เรื่องเครียด มันอาจจะเครียดบ้าง มันต้องมีจุดที่เครียดอยู่แล้วถ้ามันกลายเป็นอาชีพ แต่ถ้าเราจดจำได้ว่าตอนแรกเราชอบมันเพราะอะไร มันก็จะช่วยให้เราทำมันต่อไปได้

