บทความ โดย อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล (Sun)
ปลายปี 2007 กล่องเก่าๆ 3 ลังได้เดินทางจากเม็กซิโกมาถึง ICP หรือ (the International Center of Photography) สถาบันการถ่ายภาพชื่อดังของนิวยอร์ค มันไม่ใช่แค่การเดินทางของลังธรรมดาๆทั่วไป แต่มันเป็นการเดินทางอันยาวนาน ลึกลับ และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การถ่ายภาพครั้งหนึ่งของโลก
ลังเหล่านั้น ถูกขนานนามว่า “Mexican Suitcase”
แม้มันจะถูกขนานชื่อว่าเป็น “กระเป๋า” (Suitcase) แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงแค่ลังกระดาษแข็งที่บรรจุเอาเรื่องราวเมื่อครั้งสงครามกลางเมืองในสเปนช่วงปี 1936 – 1939 ซึ่งในนั้นเต็มไปด้วยม้วนฟิล์มที่ถูกถ่ายเอาไว้โดยช่างภาพระดับตำนาน Robert Capa , Gerda Taro ภรรยาของ Capa และ David (Chim) Seymour ภาพกว่า 4,500 ภาพ แต่ไม่เคยมีใครพบเห็นมันเลยนับตั้งแต่ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 กล่องเหล่านี้ได้หายสาปสูญเพราะ Capa ต้องหนีการจับกุมของทหารเยอรมันไปที่นิวยอร์ค และเขาได้ทิ้งลังพวกนั้นเอาไว้ในห้องมืดที่ปารีส
ไม่มีใครได้ข่าวลังกระดาษแข็งพวกนั้นอีกเลย นั่นแปลว่ามันสาปสูญไปเกือบ 70 ปี ก่อนจะถูกค้นพบ!!
ไม่เพียงฟิล์มเหล่านั้นจะเก็บเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์สำคัญของสเปนเอาไว้ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของวงการถ่ายภาพในเชิงการถ่ายภาพสงคราม เพราะก่อนหน้านั้นเราอาจจะเคยเห็นภาพสงครามในแบบที่ถูกเซ็ทถ่ายบ้าง เป็นภาพ Portrait บ้าง เป็นภาพถ่ายหลังจากเหตุการณ์ต่างๆสิ้นสุดแล้วบ้าง ด้วยเทคโนโลยีการถ่ายภาพยุคแรก กล้องถ่ายภาพ Large Format ทำให้เคลื่อนที่ลำบาก ไม่ว่องไวพอ แต่การถ่ายภาพสงครามของช่างภาพทั้งสามคนนั้นคือความบ้าบิ่นครั้งใหม่ในวงการถ่ายภาพ ด้วยเทคโนโลยีของกล้อง 35mm ที่พกพาสะดวกกว่า พวกเขาเปรียบได้กับการร่วมรบในสงครามนั้นด้วยอาวุธของพวกเขา นั่นก็คือกล้องถ่ายภาพ งานภาพของพวกเขาจึงดูจริง ถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีนั้นๆ โลกได้เห็นความโหดร้ายที่แท้จริงของสงคราม และมันก็กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในการเป็นช่างภาพสงครามไปเลย

ย้อนกลับไปที่เรื่องราวของ Mexican Suitcase สงครามกลางเมืองในสเปนเริ่มต้นในปี 1936 และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายกบฏ คนตายไปมากกว่า 5 แสนคน จนในที่สุดฝ่ายนายพลฟรานโกก็เป็นฝ่ายชนะในปี 1939 สร้างรอยแผลให้กับสเปนมาอย่างยาวนาน มันบอกเล่าเรื่องระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน การปะทะของ Teruel และ Rio Segre กองกำลังเคลื่อนที่เพื่อป้องกัน Barcelona
Capa พาพวกเราไปพบกับค่ายกักกันของฝรั่งเศสสำหรับผู้ลี้ภัยชาวสเปน ในขณะที่ Chim ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพหญิงสาวที่กำลังพยาบาลเด็กน้อยระหว่างการต่อสู้ภาคพื้นดินใน Estremadura เมืองทางด้านตะวันตกของโปรตุเกส และ Taro เธอได้ฉายภาพการต่อสู้ในเมือง Oviedo ตอนเหนือของสเปน

ปี 1979 Cornell Capa น้องชายของ Robert Capa และยังเป็นผู้ก่อตั้งสถาบันถ่ายภาพร่วมสมัยชื่อดังแห่งนิวยอร์ค ICP ได้เบาะแสเกี่ยวกับฟิล์มทั้งหมดที่หายไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะตามร่องรอยเหล่านั้น
เขาค้นพบว่าตอนที่ Capa หนีออกมาจากปารีส แล้วได้ทิ้งฟิล์มเหล่านั้นเอาไว้ที่สตูดิโอ Imre “Csiki” Weiss ช่างภาพในกลุ่มเดียวกัน ได้เป็นคนที่พยายามจะส่งกล่องใบนี้ไปที่เม็กซิโก ซึ่งมีหลักฐานเป็นจดหมายที่ Csiki เขียนเป็นบันทึกเอาไว้ว่า
“ปี 1939 ตอนที่ทหารเยอรมันบุกมาถึงปารีส ผมเอาฟิล์มของ Bob (ฝรั่งจะเรียกคนที่ชื่อจริงว่า Robert ว่า “Bob”) ใส่ในเป้แล้วขี่มอเตอร์ไซด์ไปที่ Bordeaux (เมืองชายแดนของฝรั่งเศส) เพื่อที่จะพยายามส่งมันขึ้นเรือไปที่เม็กซิโก พอดีผมเจอกับคนชิลีคนหนึ่งระหว่างทาง ก็เลยถามเขาว่าช่วยเอาฟิล์มพวกนี้ไปที่สถานฑูตของเขาได้มั๊ย ซึ่งเขาตอบตกลง”

ข้อมูลต่างๆ หยุดลงเพียงแค่ตรงนั้น เสมือนเป็นทางตัน ไม่มีใครรู้ว่าลังนั้นเดินทางไปที่ไหน.. โดยใคร..
แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งมาถึง เมื่อชื่อของนายพล Francisco Aguilar González เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวมหัศจรรย์นี้ เขาเป็นฑูตเม็กซิโกในเมือง Vichy ของฝรั่งเศสช่วงปี 1941-1942 ซึ่งเขานี่เองที่เป็นผู้เก็บรักษาลังเหล่านั้นเอาไว้จนเขาเสียชีวิตในปี 1971

การค้นพบเรื่องราวของนายพล Francisco เกิดขึ้นจากนักทำหนังชาวเม็กซิกันชื่อว่า Benjamin Tarver หลังจากคุณป้าของเขาซึ่งเป็นภรรยาของนายพลที่ได้เสียชีวิตลง เขาได้ไปชมนิทรรศการสงครามกลางเมืองสเปนที่จัดขึ้นที่เม็กซิโก และในปี 1995 นั่นเองที่เขาได้เขียนจดหมายติดต่อกับศาสตราจารย์ Jerald R. Green ที่มหาวิทยาลัย Queens ใจความเพื่อขอคำแนะนำเรื่องการจัดเก็บและจัดแสดงสิ่งที่เขามีอยู่สู่สาธารณะเพื่อเป็นประโยชน์กับนักเรียนนักศึกษาเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองสเปน
…ปรากฏว่าศาสตราจารย์ Green นั้นเป็นเพื่อนกับ Cornell Capa เรื่องทั้งหมดจึงถูกปะติดปะต่อได้
แม้กระนั้น.. กว่าที่ Cornell จะได้พบกับฟิล์มเหล่านั้นได้จริงๆก็ล่วงเลยมาจนถึงปี 2007 การเจรจาระหว่าง ICP กับ Tarver กินเวลาถึง 11 ปี ซึ่ง ณ เวลานั้นเขาก็มีอายุถึง 89 ปีแล้ว น่าเสียดายที่เพียง 1 ปีหลังการค้นพบนั้น Cornell Capa ก็เสียชีวิตลง
ในความเป็นจริงแล้ว ตอนแรกทุกคนรู้แต่เพียงว่าเป็นลังที่เก็บฟิล์มของ Robert Capa เท่านั้น แต่เมื่อสแกนภาพทั้งหมดดูแล้วจึงรู้ว่า..มีงานของ Taro และ Chim รวมอยู่ในนั้นด้วย มันจึงยิ่งกลายเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก

ฟิล์มทั้งหมด 126 ม้วน รวมภาพกว่า 4,500 ภาพเต็มไปด้วยบันทึกสำคัญทางประวัติศาสตร์ของ 3 ช่างภาพสงครามสำคัญของโลกที่เปลี่ยนงานภาพถ่ายไปตลอดกาล และถ้าได้รู้จักประวัติของช่างภาพระดับตำนานทั้งสามคนแล้ว จะต้องยิ่งสัมผัสถึงความทุ่มเทของพวกเขา
Gerda Taro นั้นเสียชีวิตเมื่อปี 1937 ในระหว่างสงครามครั้งนั้น โดยถูกรถถังชนเข้ากับรถที่โดยสาร นั่นทำให้ฟิล์มชุดนี้มีความหมายต่อ Capa อย่างมาก เพราะมันคือภาพชุดสุดท้ายของภรรยาเขา แต่ Capa ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นภาพชุดนี้ตลอดชีวิต
ปี 1954 แม้ว่าเขาจะถูกเพื่อนๆพยายามให้หลีกเลี่ยงจากงานภาพถ่ายสงคราม แต่จนแล้วจนรอด Capa ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมงานภาพสงครามในช่วงที่เริ่มต้นสงครามอินโดจีน และในที่สุดแล้ว Robert Capa ก็เสียชีวิตจากการเหยียบกับระเบิดช่วงที่ตามทหารไปลาดตระเวน ซึ่งหลังจากที่เขากดชัตเตอร์ไปไม่กี่นาที
ในปี 1956 ในสงครามวิกฤติการณ์คลองสุเอซ Chim เข้าไปทำงานเก็บภาพสงครามอีกครั้ง และในที่สุด…เขาก็เสียชีวิต โดยที่โดยทหารอียิปต์ที่ยิงปืนกลใส่เขาจนเสียชีวิต ซึ่งขณะนั้นเขายังดำรงตำแหน่งประธานเอเจนซี่ช่างภาพ Magnum Photos เช่นเดียวกับ Robert Capa
ปี 2011 Trisha Ziff นักทำหนังสารคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวนี้ในช่วงระหว่างที่ Tarver ติดต่อกับทาง ICP ช่วงปี 2007 นำหนังสารคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ออกฉายในชื่อว่า “The Mexican Suitcase”